ประวัติชุมชน
ในอดีตที่ผ่านมา พระนางเจ้าจามเทวี เจ้าผู้ครองนครลำพูนได้เสด็จมาสรงน้ำ ในสระแห่งหนึ่งในตำบลหนองจ๊อม เมื่อเสด็จกลับพระนางได้ลืมจ๊อมปักผมไว้ที่สระน้ำนั้น ตามภาษาพื้นเมือง คำว่าสระหมายถึงหนอง และคำว่าจ๊อม หมายถึง ปิ่นปักผม สระน้ำแห่งนั้นจึงได้ชื่อว่า หนองจ๊อม และได้เป็นชื่อเรียก ตำบลหนองจ๊อม มาจนถึงปัจจุบัน ชาวบ้านในชุมชน เป็นชุมชนดังเดิมมาก่อน
ประวัติสถานีอนามัย
สถานีอนามัยบ้านหนองไคร้ สร้างเมื่อ ปี พ.ศ. 2505 ณ.บ้านหนองไคร้เทวดา หมู่ที่ 6 ตำบลหนองจ๊อม อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ บนพื้นที่ 3 ไร่ 2 งาน ซึ่งซื้อที่ดินจากนายดำ งานแว่น โดยใช้เงินจาก สภาตำบลและชาวบ้าน จำนวน 8,000 บาท จัดสร้างจากเงินบริจาคของชาวบ้าน ซึ่งขณะนั้นเป็นอาคารไม้ เปิดให้บริการเมื่อ พ.ศ. 2505 และได้งบประมาณจากกระทรวงสาธารณสุขสร้างอาคารหลังใหม่ เมื่อ พ.ศ.2509 เป็นอาคารไม้ใต้ถุนสูง และในปี พ.ศ. 2545 ได้งบประมาณจากงบลงทุนเครือข่าย โรงพยาบาลนครพิงค์ ต่อเติมชั้นล่าง เพื่อรองรับกับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น
ลักษณะที่ตั้ง
ตำบลหนองจ๊อม ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของที่ว่าการอำเภอสันทราย
ห่างจากที่ว่าการอำเภอสันทราย ประมาณ 3 กิโลเมตร และห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงใหม่ ประมาณ 10 กิโลเมตร
อาณาเขตติดต่อ
ทิศเหนือ ติดต่อกับ ตำบลป่าไผ่ และตำบลหนองหาร อำเภอสันทราย
ทิศใต้ ติดต่อกับ ตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย และตำบลฟ้าฮ่าม
อำเภอเมืองเชียงใหม่
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ ตำบลสันทรายหลวง อำเภอสันทราย
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ ตำบลสันผีเสื้อ และตำบลฟ้าฮ่าม อำเภอเมืองเชียงใหม่
พื้นที่โดยประมาณ 7,568 ไร่ หรือ 12.11 ตารางกิโลเมตร
ลักษณะภูมิประเทศ
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ทุ่งนา สวนผลไม้ และที่อยู่อาศัยในลักษณะของบ้านจัดสรร พื้นที่เกษตรกรรม เป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตชลประทานซึ่งเหมาะสมต่อการเกษตร
ลักษณะภูมิอากาศ
มี 3 ฤดู คือ
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม ถึง เดือนมิถุนายน
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึง เดือนตุลาคม
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนกุมภาพันธ์
การปกครอง
แบ่งเขตการปกครองตาม พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2475 เป็น 9 หมู่บ้าน ดังนี้ หมู่ที่ 1 บ้านฟ้ามุ่ย
หมู่ที่ 2 บ้านนางเหลียว
หมู่ที่ 3 บ้านสันป่าสัก
หมู่ที่ 4 บ้านท่าเกวียน
หมู่ที่ 5 บ้านแม่แก้ดหลวง
หมู่ที่ 6 บ้านหนองไคร้ศรีทรายมูล
หมู่ที่ 7 บ้านสหกรณ์
หมู่ที่ 8 บ้านหนองไคร้หลวง
หมู่ที่ 9 บ้านต้นจันทน์
มีประชากรทั้งสิ้น 14,627 คน แยกเป็นชาย 6,937 คน หญิง 7,690 คน มีความหนาแน่นเฉลี่ย 1,219 คน/ตารางกิโลเมตร
สภาพทางเศรษกิจในชุมชน(อาชีพ,รายได้/ครอบครับ/ปี)
ประชาชนในตำบลหนองจ๊อมส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม รับจ้าง อุตสาหกรรมในครัวเรือน เช่น อาหารแปรรูป หัตถกรรม และรับราชการเป็นส่วนน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่ติดต่อเขตเมือง การคมนาคมสะดวก ในพื้นที่มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับอนุญาตดำเนินการและประกอบการ จำนวน 3 แห่ง (ตั้งอยู่หมู่ที่ 2,3,6) มีปั๊มน้ำมัน จำนวน 2 แห่ง (ตั้งอยู่หมู่ที่ 2และ4)

เส้นทางการคมนาคม การเดินทางเข้าสู่ตำบล
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1(พหลโยธิน) แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 (สายเอเชีย) ผ่านอยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ หลังจากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 117 ไปยังพิษณุโลก ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 11 ผ่านลำปาง ลำพูน ถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 695 กิโลเมตร อีกทางหนึ่งคือจากนครสวรรค์ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านกำแพงเพชร ตาก และลำปาง ถึงเชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 696 กิโลเมตร แล้วเดินทางต่อจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ10นาที โดยเส้นทางสายถนนเชียงใหม่ พร้าว
สภาพทางสังคม
เป็นสังคมเมืองกึ่งชนบท การตั้งบ้านเรือนจะตั้งบ้านเรือนตามสองฟากถนน แต่ละหมู่บ้านแยกห่างกันพอสมควร โดยลักษณะที่อยู่อาศัยอยู่ตรงกลางของพื้นที่ และรอบเขตบ้านยังปลูกพืชผักสวนครัวพอสมควร และแวดล้อม ไปด้วยทุ่งนา สวน สภาพบ้านเรือนมั่นคงแข้งแรง มีรั้วรอบขอบชิด บ้านที่เป็นเครือญาติมักตั้งอยู่รวมกัน ในรั้วเดียวกัน ในหมู่บ้านมีถนนคอนกรีต บริเวณหมู่บ้านจัดสรรเป็นลักษณะสังคมเมือง ซึ่งไม่ค่อยมีกิจกรรม ร่วมกับคนในพื้นที่
สถาบันครอบครัวส่วนใหญ่เป็นครอบครัวเดี่ยว ลูกหลานที่มีครอบครัวจะแยกบ้านไปตั้งบ้านเรือน ของตนเองในที่ของพ่อแม่ หรือพ่อแม่ของคู่ครอง แต่ก็ยังมีหลายครอบครัวที่อยู่รวมกับพ่อแม่ ในลักษณะ ครอบครัวขยาย ครอบครัวไม่นิยมมีบุตรมาก ประมาณ 1 2 คน การช่วยเหลือเกื้อกูลยังคงมีลักษณะ เครือญาติเหนียวแน่น คนในชุมชน (ยกเว้นกลุ่มบ้านจัดสรร) มีความสัมพันธ์และสามัคคีกันดี รู้จักกันทั่วตำบล กลุ่มผู้สูงอายุยังคงเป็นที่เคารพของลูกหลาน และยังมีบทบาทในการพัฒนาชุมชนอยู่
ด้านการศึกษา
ในตำบลหนองจ๊อม มีโรงเรียนในพื้นที่ 2 โรงเรียน เป็นโรงเรียนระดับประถม 1 โรงเรียน ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 บ้านท่าเกวียนโรงเรียนขยายโอกาส 1 โรงเรียน ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 บ้านหนองไคร้ศรีทรายมูล คนไม่รู้หนังสือ มีเฉพาะผู้สูงอายุบางคนและผู้พิการทางสมองเท่านั้น เนื่องจากการคมนาคมสะดวก ชาวบ้านจึงมีโอกาส ได้รับการศึกษา โดยทั่วหน้าเท่านั้น ผู้มีฐานะดีก็จะส่งบุตรหลานเข้าศึกษาในอำเภอเมืองเชียงใหม่ เด็กที่จบการศึกาาภาคบังคับหากไม่ศึกษาต่อก็จะประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป สำหรับการศึกษานอกระบบ มีหลายแห่ง เช่นวัด ที่อ่านหนังสือพิมพ์ประจำหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีการอบรมหลักสูตรต่างๆ จากหน่วยงานของภาครัฐและเอกชน
ศาสนา
ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งสืบถอดมาจากบรรพบุรุษ ประชาชนยังให้ความสำคัญ ของการไปร่วม ทำบุญ ในโอกาสต่างๆ เช่น วันพระ วันสำคัญทางศาสนา วันสงกรานต์วันลอยกระทง วัดยังเป็นศูนย์กลางความเชื่อ ความศรัทธาของชุมชน และยังเป็นที่จัดกิจกรรมต่างๆ ของหมู่บ้านอีกด้วย
การเมืองการปกครอง
ในระดับหมู่บ้านมีผู้ใหญ่บ้านหรือพ่อหลวงเป็นผู้นำหมู่บ้าน ระดับตำบลมีกำนันหรือพ่อแคว่นเป็นผู้นำและมี ีการคัดเลือกคณะกรรมการหมู่บ้านมาบริหาร ในการปกครองสมัยก่อนในระดับตำบลเรียกว่าสภาตำบล ต่อมายกเป็นระดับองค์การบริหารส่วนตำบล และเทศบาลตำบล โดยรวมกับเทศบาลตำบลหนองหาร 1 หมู่บ้าน คือหมู่ที่ 7 บ้านสหกรณ์
องค์กรต่างๆ ในหมู่บ้าน
- คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เป็นองค์กรระดับหมู่บ้าน หมู่บ้าน 7 - 8 คน ที่ได้รับเลือกโดยประชาชนในหมู่บ้านจากคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่เคารพนับถือของคนในหมู่บ้าน ทำหน้าที่บริหารในหมู่บ้าน
- กลุ่มแม่บ้าน มีทั้งระดับหมู่บ้าน และเป็นเครือข่ายระดับตำบล สมาชิกเป็นแม่บ้านในหมู่บ้านที่เข้ามารวมกลุ่มกันช่วยเหลือกิจกรรมของหมู่บ้านในเรื่องงานประเพณีของหมู่บ้าน การประกอบอาชีพเสริมรายได้ ฯลฯ
- กลุ่มหนุ่มสาว มีทั้งระดับหมู่บ้านและตำบล เป็นการรวมกลุ่มกันโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำประโยชน์ให้กับหมู่บ้านและชุมชนของตนเอง สร้างความสามัคคีในชุมชนและสืบสานวัฒนธรรมประเพณีต่างๆ
- กลุ่มผู้สูงอายุ สนับสนุนให้มีการจัดตั้งโดยภาครัฐและจากชุมชนเอง สมาชิกเป็นผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป การจัดตั้งชมรมมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ซึ่งกันและกัน มีกิจกรรมเสริมรายได้ และการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพทั้งแบบการแพทย์แผนไทยและแพทย์แผนปัจจุบัน
- กลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข(อสม.) จัดตั้งโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ซึ่งให้ชุมชนคัดเลือกผู้ที่มีความรู้ เป็นที่เคารพนับถือ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นพี่เลี้ยง ถ่ายทอดความรู้ด้านสุขภาพอนามัยของประชาชนและชุมชน ใช้อัตราส่วน อสม. 1 คน ต่อ 15 หลังคาเรือน มีบทบาทหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ด้านสุขภาพอนามัยเป็นระยะๆ ตามสภาพปัญหาสาธารณสุขในชุมชน
วิสัยทัศน์
เป็นสถานบริการสุขภาพแบบเครือข่ายที่มีคุณภาพ ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ประชาชนพึงพอใจ และมีส่วนร่วม เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างมีความสุข
พันธกิจ
1.สำรวจข้อบกพร่อง หรือส่วนขาดของสถานบริการเพื่อหาแนวทางดำเนินการแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น
2.ประสานงานกับองค์กร หน่วยงาน และประชาชนในพื้นที่ ให้มามีส่วนร่วมในการดำเนินงานต่างๆในชุมชน 3.พัฒนาการบริการเพื่อให้ผู้รับบริการพึงพอใจ และมีการชี้แจงการดำเนินงานต่างๆให้ชุมชนรับทราบ ตรวจสอบได้